วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ท่องเที่ยวไปกับ หาดป่าตอง ภูเก็ต

 ท่องเที่ยวไปกับ หาดป่าตอง ภูเก็ต

 

หาดป่าตอง ภูเก็ต แห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต เป็นหาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของภูเก็ตก็ว่าได้ และยังเป็นสถานที่ผักผ่อนที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาพักกผ่อนตลอดทั้งปีอีกด้วย นับเป็นชายหาดที่มีความเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมากมาย เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ร้านท่องเที่ยวดำน้ำ ร้านขายอุปกรณ์กีฬาทางน้ำ และอื่นๆอีกมากมายไว้คอยบริการแก่นักท่องเที่ยวที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตลอด 24 ชม. เลยก็ว่าได้
 
และด้วยชายหาดที่มีความยาวกว่า 4 กิโลเมตร นั้นยังมีหาดทรายขาวละเอียดเหมาะสำหรับเล่นน้ำทะเลและยังมีกิจกรรมทางทะเล ที่ไม่ว่าจะเป็น เจสกี สปีดโบท และอื่นๆอีกมากมายมีไว้สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวอย่างครบครัน จึงเป้นที่มาว่าป่าตองแห่งนี้เป็นหาดที่มีผู้นิยมมาเยือนมากที่สุด

จุดเด่นของหาดป่าตอง ภูเก็ต

• เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียง ทั้งเป็นที่รู้จักของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากที่สุดของจังหวัดภูเก็ต

• บริเวณหาดแห่งนี้มีเม็ดทรายสีขาวละเอียดทำให้หาดดูสวยงามน่าลงไปเล่นน้ำ

• มีแหล่งช๊อปปิ้ง ร้านอาหาร แพ็คเกจทัวร์ สปา ทั้งขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่คอยอำนวยความสะดวกเป็นจำนวนมาก

• มีโรงแรมหรือที่พักรองรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ราคาประหยัดไปจนถึงหรูหราเป็นจำนวนมาก

• มีกิจกรรมท่องเที่ยวตามชายหาดทุกรูปแบบให้นักท่องเที่ยวได้เล่นกัน

• สามารถเดินทางข้ามไปยัง หาดพาราไดส์ ภูเก็ต ได้แค่เพียงไม่กี่นาที เนื่องจากเป็นหาดอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน

• มีแหล่งท่องเที่ยวยามราตรี เพื่อนักท่องเที่ยวทุกรูปแบบเป็นจำนวนมาก

• มีจุดรับส่งนักท่องเที่ยวหรือแท็กซี่บริการนักท่องเที่ยวเพื่ออำนวยความสะดวกทางด้านการเดินทาง


จุดด้อยของหาดป่าตอง ภูเก็ต

• ที่จอดรถมีจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่ยังไม่มากพอสำหรับนักท่องเที่ยวในปัจจุบันที่เข้ามาท่องเที่ยวที่นี่

• ช่วงเทศกาลพิเศษ จะมีนักท่องเที่ยวหนาแน่นมาก(เกินไป)

ขอแนะนำให่ท่านลองหาวันเวลาที่เหมาะสม และมาสัมผัสความสวยงามขอหาดป่าดอง จังหวัดภูเก็ตกันนะครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

ติดตามข่าวสารการท่องเที่ยวอีกมากมายที่ http://travel.sanook.com/




วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ตามรอยประวัติศาสตร์ พระผุด วัดพระทอง ภูเก็ต

ตามรอยประวัติศาสตร์ พระผุด วัดพระทอง ภูเก็ต

 
พระผุดหรือพระทอง อันเป็นพระพุทธรูปผุดจากดินโผล่แค่พระศอสูงถึงพระเกษ๑ (๒๔๔.๕ เซนติเมตร) วัสดุทองคำที่ภายนอกก่ออิฐถือปูนเป็นพระครึ่งองค์สวมทับไปอีกชั้นหนึ่ง องค์เดิมนั้นไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างในสมัยใด มีการปฏิสังขรณ์ครอบองค์เดิมอยู่หลายครั้งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองถลาง
ตามประวัติพระผุดได้กล่าวว่า เดิมทีเป็นบริเวณทุ่งนาเรียกว่าบ้านนา วันหนึ่งนั้นมีเด็กนำกระบือไปเลี้ยงโดยเอาเชือกผูกเข้ากับสิ่งหนึ่งมีลักษณะเหมือนแก่นไม้ที่มีโคลนติดอยู่ และเมื่อกลับไปบ้านเด็กก็เป็นลมตาย ส่วนกระบือก็ได้ตายอยู่ตรงนั้นพอตกกลางคืนมาพ่อของเด็กผู้ตายฝันว่า ที่เด็กและกระบือตายนั่นก็เพราะว่าไปผูกเชือกเอาไว้กับพระเกศของพระพุทธรูป ที่มีเกศเป็นทองคำงดงามยิ่งนัก จึงพากันไปแจ้งให้เจ้าเมืองได้ทราบ จึงได้สั่งขุดแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะมีตัวต่อและตัวแตนเข้ามาทำร้าย เจ้าเมืองจึงสั่งให้ทำเป็นหลังคาคลุมพระเกศเอาไว้ และสักการะบูชา กราบไหว้กันตลอดมาตั้งแต่นั้นมา
คนจีนโบราณได้เล่าขานกันว่า สมัยเมื่อธิเบตรุกรานจีนและตีได้เข้าเมืองเซี่ยงไฮ้ มีพระพุทธรูปทองคำที่ชื่อว่า "กิ้ม มิ่นจ้อ" ได้ถูกชาวธิเบตนำลงเรือมาทางทะเลจีนเข้ามายังมหาสมุทรอินเดียเพื่อที่จะต่อไปยังประเทศธิเบต แต่เรือถูกพายุพัดเข้ามายังฝั่งพังงาและจมลงตรงนี้เอง พระพุทธรูปก้ได้จมลงแต่มีคนมาพบเห็นดังกล่าว นอกจากเพื่อที่จะป้องกันโจรภัยแล้ว ชาวบ้านก็ได้เชื่อกันว่า พระพุทธรูปองค์นี้นั้นมีความประสงค์ ที่จะประดิษฐานอยู่ในพื้นดินต่อไปจึงพากันสร้างพระพุทธรูปแค่เพียงครึ่งองค์สวมทับพระทองคำที่อยู่ที่ใต้ชั้นพื้นดินอีกชั้นหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งที่ยังดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร ได้ทำการเสด็จประพาสจังหวัดภูเก็ต พระราชทานนามวัดว่า"วัดพระทอง" พระผุด หรืออีกชื่อหนึ่งคือ หลวงพ่อพระทอง เป็นพระประธานอยู่ที่วัดพระทองหรือวัดพระผุดหรือวัดนาใน วัดเก่าแก่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านนาใน ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต สามารถเดินทางจากตัวเมืองภูเก็ตได้โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 402 และพอถึง อ.ถลาง ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปยังวัดพระทองตามป้ายที่บอกข้างทางได้เลย
นอกจากพระผุดแล้ว ที่วัดพระทองยังมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของวัดโดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นั้นตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของศาลาที่อยู่ใกล้กับโบสถ์ พระผุด ภายในอาคารนั้นจัดแสดง โบราณวัตถุและข้าวของเครื่องใช้ของเมืองภูเก็ต ที่ได้มาจากการสะสมของวัดและการที่บริจาคของชาวบ้านของที่น่าสนใจอาทิเช่น หมอนฝิ่นซึ่งเป็นหมอนที่คนจีนในสมัยก่อนใช้หนุนนอนเวลา ดูดฝิ่น มีรูตรงกลางเอาไว้ใส่เงิน/ รองเท้าตีนตุกนั้นเป็นรองเท้าตามความเชื่อแบบจีน เอาไว้เพื่อให้ผู้หญิงใส่ โดยรองเท้าตีนตุกจะมีขนาดเล็กกว่ารองเท้าธรรมดาทั่วไปหลายเท่าตัว/ จั่งซุ้ยหรือเสื้อกันฝนของชาวเหมืองแร่ นอกจากนี้ในพิพิธภัณฑ์ฯก็ยังมีของเก่าหายากให้ได้เลือกชมอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา เหรียญ-ธนบัตร จาน-ชาม หัวโขน พระเครื่อง โคมไฟ และก็อีกมากมายให้ได้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน

ติดตามแหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์อีกเพียบที่ http://travel.sanook.com/

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

แวะเที่ยวสบายกายสบายใจที่ วัดฉลอง ระยอง

แวะเที่ยวสบายกายสบายใจที่ วัดฉลอง ระยอง

 
วัดฉลองหรือชื่อที่เรียกเป็นทางการว่า "วัดไชยธาราม" เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองระยองที่มีชื่อเสียงของภูเก็ต ถ้าใครได้มาจังหวัดภูเก็ตจะต้องมาแวะนมัสการหลวงพ่อแช่ม แห่งวัดฉลอง เพื่อเป็นสิริมงคลแต่ตัวเองนั่นเอง เรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์กิตติศัพท์ในการรักษาโรคบุญญาบารมีและเมตตาธรรมที่สูงส่งของหลวงพ่อนั้นทำให้มีผู้เลื่อมใสศรัทธาเป็นอันมาก เล่ากันมาว่าในขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่นั้น ถึงกับมีผู้ที่รอปิดทองตามแขนและขาของท่านจนท่านแลดูเหลืองอร่ามไปทั่วร่างราวกับปิดทองพระพุทธรูป และแม้ว่าหลวงพ่อแช่มจะมรณภาพไปแล้วเป็นเวลานับหนึ่งร้อยปีก็ตาม ชื่อเสียงเกียรติคุณและบารมีของท่านก็ยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้คนสืบมา ณ วัดฉลอง ภูเก็ต

อีกทั้งวัดฉลองแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของพระมหาธาตุเจดีย์พระจอมไทยบารมี ได้ประกาศเป็นที่ประดิษฐสถานของพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่นำมาจากศรีลังกา วัดฉลองแห่งนี้นั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตอีกแห่งหนึ่งที่ใครๆที่ได้มาเที่ยวภูเก็ตจะต้องมาวัดแห่งนี้


สิ่งน่าสนใจในวัดฉลอง

1. นมัสการหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง
ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป ซึ่งมีเรื่องราวรวมถึงความศักดิ์สิทธิ์ คุณงามความดีของหลวงพ่อแช่มแห่งวัดฉลอง ที่เป็นที่พึ่งให้แก่ชาวบ้านในครั้นการต่อสู้กับพวกอั้งยี่ และเรื่องเล่า?๊๋เกี่ยวกับไม้เท้าของท่านที่จิ้มบริเวณที่เป็นไฝหรือปานจะทำให้จางไปเอง ( เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล ) นอกจากหลวงพ่อแช่มแล้วฏ้ยังมีหลวงพ่อช่วงและหลวงพ่อเกลื้อม ซึ่งเป็นที่เคราพศรัทธาของชาวบ้านเอามากๆ ซึ่งท่านทั้งสองนั้นมีชื่อเสียงการปรุงสมุนไพรและรักษาโรค ถึงแม้ว่าปัจจุบันท่านจะมรณภาพไปแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีชาวบ้านที่มีเรื่องทุกข์ร้อนก็จะไปกราบไหว้บนบานอย่างไม่ขาดสาย ปัจจุบันนี้ได้ประดิษฐานองค์ท่านทั้งสามที่วิหารที่สร้างมาอย่างสวยงามซึ่งในแต่ละวันจะมีผู้คนทั้งชาวไทยและต่างชาติต่างมากราบไหว้เป็นจำนวนมากทุกวัน

2. พระมหาเจดีย์ พระจอมไท
 
พระมหาเจดีย์ พระจอมไท นั้นเป็นเจดีย์ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ไปเมื่อไม่นาน ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านหลังของวัดแห่งนี้ ภายในเงียบสงบบริเวณชั้นแรกจะเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปปรางค์ต่างๆมากมาย และบริเวณด้านข้างผนังนั้นจะเป็นภาพวาดพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าตอนประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพาน และที่งดงามมากสุด เมื่อขึ้นไปด้านบนสุดจะเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุและด้านนอกของเจดีย์ เราสามารถที่จะชมทิวทัศน์ของบริเวณภายในวัดทั้งหมดได้อย่างสวยงามอลังการมากๆ

3. ท่านเจ้าวัด
ท่านเจ้าวัดนั่นคือพระประธานในวิหารเก่าแก่อันเป็นที่ตั้งของวัดฉลองแต่โบราณก่อนย้ายออกมาตั้งอยู่ในที่ปัจจุบัน ซึ่งด้านซ้ายจะมีรูปหล่อของชายชราที่นั่งถือตะบันหมาก ที่ชาวบ้านเรียกเขาว่า " ตาขี้เหล็ก " ด้านขวามีรูปหล่อเป็นยักษ์ที่เรียกว่า " นนทรีย์ "

4. กุฎิจำลองหลวงพ่อท่าน
ที่ภายในกุฎิจำลองแห่งนี้ทางวัดได้จัดทำหุ่นขี้ผึ้งจำลองหลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อช่วง หลวงพ่อเกลี้อม และเครื่องใช้ต่างๆของทั้งสามองค์ และตัวกุฎิก้ยังเป็นแบบทรงไทย ซึ่งเป็นเรือนไทยที่สวยงามมาก นอกจากนั้นแล้วเมื่อท่านได้เข้าไปในบริเวณวัดส่งหนึ่งที่ท่านจะได้ยินนั่นคือเสียงปะทัด เพราะเมื่อมีผู้คนที่ทุกข์ร้อนและมาขอให้พ่อท่านช่วย เมื่อได้สมความปราณีตามที่ได้ขอ โดยส่วนมากจะมาแก้บนด้วยการจุดปะทัดให้ท่านนั่นเอง

ติดตามความน่าสนใจของสถานที่ต่างๆอีกที่ http://travel.sanook.com/

วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เที่ยวชมพระอาทิตย์ตก ณ แหลมพรหมเทพ จังหวัดภูเก็ต

 เที่ยวชมพระอาทิตย์ตก ณ แหลมพรหมเทพ จังหวัดภูเก็ต

 
จังหวัดภูเก็ตนับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติอย่างมาก หากใครมาที่ภูเก็ตแล้วต้องลองมาชมอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพ ถือว่ามาไม่ถึงแหลมพรหมเทพเพราะที่นี่จัดเป็นหนึ่งในจุดชมอาทิตย์ตกก่อนใครที่สวยที่สุดในประเทศไทย เป็นจุดชมวิวที่หลักของภูเก็ตอยู่ห่างจากหาดราไวย์ไปประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นแหลมที่อยู่ตอนใต้สุดของเกาะภูเก็ตนั่นเอง ชาวบ้านเรียกแหลมพรหมเทพว่าแหลมเจ้า มีลักษณะเป็นแหลมโค้งไล่ระดับทอดตัวลงมาสู่ท้องทะเล รอบข้างแวดล้อมด้วยต้นตาลที่ขึ้นแทรกอยู่เรียงรายทั่วไป สามารถเดินไปจนถึงปลายแหลมได้จะมองเห็นน้ำทะเลสีเขียวมรกตและสามารถเห็นเกาะแก้วอยู่ด้านหน้าแหลม ส่วนด้านซ้ายจะมองเห็นหาดในยะที่เป็นหาดเล็กๆ ทางขวาจะเห็นแนวหาดทรายของหาดในหาน
นักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเที่ยวหรือพักที่หาดใดพอถึงช่วงใกล้เย็นก็พากันมาชมพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพแห่งนี้ หากมาเที่ยวในวันที่อากาศดี ท้องฟ้าเปิด มีเมฆน้อย บรรยากาศพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพจะเป็นอะไรที่สวยงามมาก หากมาในฤดูร้อนมีทุ่งหญ้าสีทองขึ้นปกคลุมจะยิ่งสวยงามขึ้นไปอีก มองเห็นเกาะแก้วน้อย เกาะแก้วใหญ่และเกามัน ส่วนในฤดูฝนจะเป็นสีเขียวรอบๆ แหลมพรหมเทพเป็นโขดหินขนาดใหญ่ที่ยามคลื่นลมแรงจะเห็นฟองคลื่นสีขาวกระทบโขดหินที่สวยงามมากไปอีก
นอกจากนั้นก็มี “ประภาคารกาญจนาภิเษก แหลมพรหมเทพ” ที่สร้างขึ้นในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี มีขนาดใหญ่ ความกว้างที่ฐาน 9 เมตร สูง 50 ฟุต และแสงไฟจากโคมไฟนั้นจะมองเห็นไกลถึง 39 กิโลเมตร ภายในประภาคารจะมีการแสดงนิทรรศการที่เกี่ยวกับการสร้างประภาคาร การรักษาเวลามาตรฐาน การคำนวณ และแสดงเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้น-ตก และจากบนยอดของประภาคารยังเป็นจุดชมวิวที่สวยสุดๆอีกด้วย
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวจากตัวเมืองจังหวัดภูเก็ตไปตามทางหลวงหมายเลข 4027 และ 4024 ผ่านหาดราไวย์และหาดในยะไป จากนั้นตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 4233 อีกประมาณ 650 ม. ก็จะถึงลานจอดรถของแหลมพรหมเทพ ท่านต้องเดินขึ้นบันไดไปบนเนินสูงเพื่อไปจุดชมวิว ถ้าต้องการชมทิวทัศน์ที่ปลายแหลมพรหมเทพ ท่านต้องเดินต่อไปตามทางเดินอีกประมาณ 1 กม. หรือจะนั่งรถสองแถว สายภูเก็ต-ราไวย์-ในหานก็ได้ หรือท่านเหมารถแท๊กซี่่มาก็ได้เช่นกัน

ติดตามการท่องเที่ยวของเราไดอีกที่ http://travel.sanook.com/

วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

นั่งเรือกอจ้าน ที่เดียวในไทย จังหวัดภูเก็ต

เที่ยวภูเก็ต นั่งเรือกอจ้าน ที่เดียวในไทย

เมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างภูเก็ตแห่งนี้ถือว่ามีความสวยงามไปด้วยธรรมชาติที่แสนจะงดงาม และสามารถรักษาสภาพแวดล้อมไว้ได้เป็นอย่างดีจนทำให้หาดทรายที่นี่นั้นมีชื่อเสียงอย่างมากทีเดียว โดยในแต่ละปีนั้นจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้แวะเวียนมาเที่ยวภูเก็ตกันอย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้ที่นี่นั้นคึกคึกไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย และสำหรับกิจกรรมอีกอย่างที่มีความน่าสนใจนั่นก็คือการมานั่งเรือกอจ้านเพื่อชมป่าชายเลน ซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวหลายคนและต้อง้ป็นที่ชื่นชอบอย่างแน่นอน
โดยสำหรับเรือกอจ้านนั้นจะเป็นเรือรูปแบบเก่าแก่ดั้งเดิมของชาวภูเก็ตที่ได้แบบมาจากชาวจีนที่เข้ามาทำมาหากินกับภูเก็ตตั้งแต่เมื่อในอดีต โดยความว่ากอจ๊านนั้นคาดกันว่าหมายถึง อวนจับปลาซึ่งก็ถือว่าเป็นเรือประมงชั้นยอดของจีนในสมัยก่อนนี่เอง และมีความน่าสนใจอีกอย่าก็คือเรือแบบนี้นั้นจะเหลืออยู่ที่ภูเก็ตเพียงที่เดียวเท่านั้นในประเทศไทย ซึ่งคุณไม่สามารถไปหาเรือแบบนี้ที่ไหนได้อีกแล้วทำให้การท่องเที่ยวภูเก็ตจึงเป็นการโปรโมทการนั่งเรือแบบนี้ขึ้นมาเป็นกิจกรรมสุดชิลที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาลองมาสัมผัสด้วยตัวเองซักครั้งเมื่อมาเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ต
สำหรับลักษณะเด่นของเรือกอจ้านนั้นก็คือมันถูกสร้างจากไม้ทั้งลำโดยไมเป็นแผ่นๆจะใช้ชันซึ่งก็คือยางไม้ชนิดหนึ่งในการเชื่อมรอยต่อระหว่างพื้นไม้ส่วนลำเรือนั้นถือว่ามีขนาดที่เล็กมาก โดยมีความสามารถในการรับน้ำหนักผู้โดยสารได้โดยประมาณ 8 คน ส่วนการเคลื่อนที่นั้นจะใช้พายในการขับเคลื่อนและรวมทั้งผ้าใบที่ต้องจะอาศัยแรงลมและด้วยลักษณะที่โดดเด่นทั้งหมดนี้ ก็จะทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่หาชมได้ยากมากแล้วแม้แต่ในจังหวัดภูเก็ตเองก็เหลือเรือแบบนี้จำนวนที่ไม่มากนักแล้ว ในปัจจุบันมันจึงถูกนำมาใช้ในการท่องเที่ยวแทนเพื่อเป็นการรักษาเรือเอาไว้ให้อยู่รอดและเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวภูเก็ตไปในตัวอีกด้วย
โดยคุณสามารถนั่งเรือกอจ้านเพื่อท่องเที่ยวชมธรรมชาติของป่าชายเลนของภูเก็ตที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก โดยจะมีฝูงลิงแสมที่จะอาศัยอยู่ภายในป่าโกงกางให้คุณชมได้อีกด้วย ซึ่งคุณสามารถติดต่อที่จะเช่าเรือได้จากชมรมกลุ่มกอจ้านโดยคุณสามารถติดต่อได้ล่วงหน้าเพื่อจองคิวได้อีกด้วย
และสำหรับการเดินทางมาเพื่อนั่งเรือกอจ้านสำหรับท่องเที่ยวนั้นขอแนะนำให้คุณมาทางแยกสะพานหิน โดยใช้เส้นทางถนนภูเก็ตจะพบกับวงเวียนเล็กๆอยู่ ให้คุณวนมาทางขวาเพื่อจะได้เข้าสู่สะพานคลองบางใหญ่โดยใช้เส้นทางถนนรัตนโกสินทร์ 200 ปี และตัวท่าเรือกอจ้านจะอยู่ใกล้ๆกับด้านหน้าของโรงเผาขยะมูลฝอยโดยคุณจะสามารถสังเกตุโรงขยะเอาไว้ก็ได้ ส่วนราคาท่านสามารถต่อลองกันได้ตามความเหมาะสมเลย

ติดตามผลงานใหม่ๆที่เที่ยวอื่นๆอีกที่นี่ http://travel.sanook.com/

วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

หลาดปล่อยของ ตลาดปล่อยขอชั้นดี สเห่น์ยามค่ำคืน เมืองภูเก็ต

หลาดปล่อยของ ตลาดปล่อยขอชั้นดี สเห่น์ยามค่ำคืน เมืองภูเก็ต

คำว่า “หลาด” เป็นค่ำย่อสั้นๆที่คงย่อมาจากคำว่าตลาดนั่นเอง หลาดปล่อยของเปิดแห่งนี้นั้นได้เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2553 โดยตลาดแห่งนี้เป็นตลาดที่มีไว้สำหรับปลดปล่อยสินค้าจากงานที่ทำออกมาจากไอเดียของผู้ขายล้วนๆ งานแฮนด์เมด งานศิลปะสุดอาร์ต แฟชั่นทั้งเก่า-ใหม่รวมๆกัน รวมไปถึงอาหารรูปแบบใหม่ๆแปลกๆ และการแสดงที่ประกอบด้วยการแต่งกายไลฟ์สไตล์ต่างๆ จุดประสงค์ของการสร้างหลาดปล่อยของแห่งนี้ ก็เพื่อจุดประสงค์เหล่านี้
- ปล่อยงานศิลปะ งานไอเดีย และงานทำมือ ของคนเมืองภูเก็ต โชว์ฝือมือแห่งชาวภูเก็ตให้โลกได้เห็น

- ปล่อยการสร้างสรรค์เพลงดนตรีกันสดๆ จากนักดนตรีมืออาชีพและสมัครเล่นของคนจังหวัดภูเก็ต

- ปล่อยการแสดงอันหลากหลายทั้งร้องทั้งเต้นอย่าภาพภูมิใตโดยคนของจังหวัดภูเก็ต

- ปล่อยอาหารหลายหลากชนิดหลากหลายรสชาติโดยฝีมือคนจังหวัดภูเก็ตให้ได้ลองมาชิมกัน

- และปล่อยกิจกรรมดีๆในทุกๆวันพุธ ยกตัวอย่างเช่น หมวก รองเท้า เสื้อยืด ฯลฯ

หลาดปล่อยของแห่งนี้นับเป็นสถานที่พักผ่อนได้ดีและได้สนุกไปกับการช๊อปปิ้งที่ไม่เหมือนในห้างหรือตลาดอื่น ด้วยการช้อปปิ้งท่ามกลางบรรยากาศกลางแจ้งเย็นๆสบายๆ ใน Limelight Avenue ใจกลางเมืองภูเก็ต หลาดแห่งนี้ได้แบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่ โซน1 จะเป็นสินค้าแฮนด์เมด สินค้าไอเดีย งานศิลปะหลากหลายรูปแบบ, โซน2 จะเป็นด้านเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ สินค้าเทรนด์ต่างๆ ตามแฟชั่นปัจจุบัน หรือจะเป็นแฟชั่นในอดีตด้วย และโซน3 จะเป็นของจำพวกจิปาถะ สินค้ามือสองราคาถูกทั้งหลาย ของตกแต่งบ้าน เฟอนิเจอร์ และอีกมากมาย ฯลฯ สำหรับในโซนการแสดงนั้นเราจะมีขึ้นตั้งแต่เวลา 17.00 – 22.30 น. จึงถือได้ว่าเป็นตลาดนัดคนเดินนี้ เป็นสถานที่สำหรับช้อปปิ้ง ดื่มกิน ฟังเพลง ชมการแสดงจากนักร้อง นักแสดงมืออาชีพและสมัครเล่น อย่างครบครันมีทุกสิ่งที่สร้างความสนุกความเพลิดเพลินทั้งหลายรวมที่หลาดปล่อยของ ที่มาช่วยกันสร้างสีสันสถานที่แห่งนี้ จะได้กลายเป็น Phuket Indy Market สุดของตลาดหนึ่งเดียวของจังหวัดภูเก็ต จุดประสงค์สุดท้ายนั้นก็คือเพื่ออวดโฉมต้อนรับคนท้องถิ่น และนักท่องเที่ยว ให้ได้รู้จักจังหวัดภูเก็ต ได้ชื่ชมและติดใจจังหวัดภูเก็ต เรียกได้ว่าใครที่ชื่นชอบงานศิลปะแขนงต่างๆหรือสินค้าที่มีไอเดียเก๋ๆแปลกแหวกแนวทั้งหลายที่ไม่เหมือนใครต้องห้ามพลาดต้องลองมาเดินสัมผัสกับบรรยากาศจริงๆ ที่หลาดปล่อยของแห่งนี้นะ มากันได้เลย
 

ติดตามที่เที่ยวสุดน่าสนใจอีกที่ http://travel.sanook.com/

วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

กลางวันงดงาม...กลางคืนโรแมนติก...จุดชมวิวเขารัง...จ.ภูเก็ต

กลางวันงดงาม...กลางคืนโรแมนติก...จุดชมวิวเขารัง...จ.ภูเก็ต

จุดชมวิวเขารัง แห่งนี้เป็นเนินเขาที่ตั้งอยู่ที่ตัวเมืองภูเก็ตทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จุดชมวิวสามารถนำรถยนต์ขึ้นไปถึงยอดเขาได้ โดยขับขึ้นไปตามถนน "คอซิมบี้" ได้เลย บนยอดเขาสามารถมองเห็นทัศนียภาพทั้งหมดของเกาะภูเก็ตได้อย่างชัดเจน ทั้งหลังคาของตึกเก่าๆ อ่าวฉลอง หาดราไวย์ สะพานหินฯลฯ เรียกได้ว่าได้ชื่นชมความงดงามของเมืองภูเก็ตแบบ 360 องศาได้เลย และโดยเฉพาะยามค่ำคืนที่นี่จะโรแมนติกเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะมองเห็นแสงไฟระยิบระยับตามบ้านเมืองจากด้านล่างได้อย่างสวยงาม รับประกันว่าท่านต้องประทับใจสุดๆ อย่างแน่นอน
สถานที่ : จากที่ว่าการอำเภอเดินทางมาถนนแม่หลวน จากนั้นให้เลี้ยวขวาเข้าถนนคอซิมบี้ จนไปถึงสุดทาง หรือจะเข้ามาจากถนนวชิระ ที่อยู่ข้างโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตก็ได้

เวลา : เปิดทุกวัน

Website : www.phuketcity.go.th

ติดตามจุดชมวิวทั่วไทยได้ที่นี่  http://travel.sanook.com/