วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เที่ยวชมพระอาทิตย์ตก ณ แหลมพรหมเทพ จังหวัดภูเก็ต

 เที่ยวชมพระอาทิตย์ตก ณ แหลมพรหมเทพ จังหวัดภูเก็ต

 
จังหวัดภูเก็ตนับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติอย่างมาก หากใครมาที่ภูเก็ตแล้วต้องลองมาชมอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพ ถือว่ามาไม่ถึงแหลมพรหมเทพเพราะที่นี่จัดเป็นหนึ่งในจุดชมอาทิตย์ตกก่อนใครที่สวยที่สุดในประเทศไทย เป็นจุดชมวิวที่หลักของภูเก็ตอยู่ห่างจากหาดราไวย์ไปประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นแหลมที่อยู่ตอนใต้สุดของเกาะภูเก็ตนั่นเอง ชาวบ้านเรียกแหลมพรหมเทพว่าแหลมเจ้า มีลักษณะเป็นแหลมโค้งไล่ระดับทอดตัวลงมาสู่ท้องทะเล รอบข้างแวดล้อมด้วยต้นตาลที่ขึ้นแทรกอยู่เรียงรายทั่วไป สามารถเดินไปจนถึงปลายแหลมได้จะมองเห็นน้ำทะเลสีเขียวมรกตและสามารถเห็นเกาะแก้วอยู่ด้านหน้าแหลม ส่วนด้านซ้ายจะมองเห็นหาดในยะที่เป็นหาดเล็กๆ ทางขวาจะเห็นแนวหาดทรายของหาดในหาน
นักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเที่ยวหรือพักที่หาดใดพอถึงช่วงใกล้เย็นก็พากันมาชมพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพแห่งนี้ หากมาเที่ยวในวันที่อากาศดี ท้องฟ้าเปิด มีเมฆน้อย บรรยากาศพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพจะเป็นอะไรที่สวยงามมาก หากมาในฤดูร้อนมีทุ่งหญ้าสีทองขึ้นปกคลุมจะยิ่งสวยงามขึ้นไปอีก มองเห็นเกาะแก้วน้อย เกาะแก้วใหญ่และเกามัน ส่วนในฤดูฝนจะเป็นสีเขียวรอบๆ แหลมพรหมเทพเป็นโขดหินขนาดใหญ่ที่ยามคลื่นลมแรงจะเห็นฟองคลื่นสีขาวกระทบโขดหินที่สวยงามมากไปอีก
นอกจากนั้นก็มี “ประภาคารกาญจนาภิเษก แหลมพรหมเทพ” ที่สร้างขึ้นในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี มีขนาดใหญ่ ความกว้างที่ฐาน 9 เมตร สูง 50 ฟุต และแสงไฟจากโคมไฟนั้นจะมองเห็นไกลถึง 39 กิโลเมตร ภายในประภาคารจะมีการแสดงนิทรรศการที่เกี่ยวกับการสร้างประภาคาร การรักษาเวลามาตรฐาน การคำนวณ และแสดงเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้น-ตก และจากบนยอดของประภาคารยังเป็นจุดชมวิวที่สวยสุดๆอีกด้วย
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวจากตัวเมืองจังหวัดภูเก็ตไปตามทางหลวงหมายเลข 4027 และ 4024 ผ่านหาดราไวย์และหาดในยะไป จากนั้นตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 4233 อีกประมาณ 650 ม. ก็จะถึงลานจอดรถของแหลมพรหมเทพ ท่านต้องเดินขึ้นบันไดไปบนเนินสูงเพื่อไปจุดชมวิว ถ้าต้องการชมทิวทัศน์ที่ปลายแหลมพรหมเทพ ท่านต้องเดินต่อไปตามทางเดินอีกประมาณ 1 กม. หรือจะนั่งรถสองแถว สายภูเก็ต-ราไวย์-ในหานก็ได้ หรือท่านเหมารถแท๊กซี่่มาก็ได้เช่นกัน

ติดตามการท่องเที่ยวของเราไดอีกที่ http://travel.sanook.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น